เอ๋ พรทิพย์ เป็นมะเร็งปอดด้านซ้าย ระยะที่1 ไม่เคยสูบบุหรี่ หมอแจ้ง สาเหตุส่วนหนึ่งมาจาก pm2.5 ผ่าตัดออกไปแล้ว ระยะนี้มีโอกาสหายสูงใช้ชีวิตได้ปกติ
หลังจากที่ ป๋อ ณัฐวุฒิ สกิดใจ ปล่อยคลิปสั้นๆ เผยว่าภรรยาสุดที่รัก เอ๋ พรทิพย์ ป่วยเป็นมะเร็ง โดยในวันนี้ (4มิ.ย.) ทั้ง ป๋อ ได้ปล่อยคลิปเต็มผ่านยูทูช่อง ป๋อสะกิดเอ๋ บอกถึงสาเหตุ และขั้นตอนการรักษาแบบละเอียด ซึ่งมีคุณหมอให้ความรู้ด้วย รวมถึงในคลิปยังเผยความรู้สึกของเอ๋ หลังออกจากห้องผ่าตัด และตอนทราบผลว่าเป็นมะเร็งครั้งแรก

ป๋อ : “เอ๋เป็นมะเร็ง แต่ในส่วนพี่ พี่ก็ไม่มีเวลามานั่งเสียใจ พี่ก็ต้องมานั่งคิดว่าทำยังไงต่อไป ต้องมาคิดว่าต้องพูดยังไงกับเขาให้ได้ทั้งความเป็นจริงและให้ได้ทั้งในแง่ของความรู้สึก”
เอ๋: “เจ็บมาก เจ็บหน้าอก แล้วก็คันคอตลอดเวลา”
ป๋อ: “ไม่เป็นไรหรอก สู้สู้เนาะ ถ่ายเก็บไว้จะได้รู้ว่าเวลาเรายากลำบากมันก็ต้องผ่านไปให้ได้”
เอ๋: “ขอบคุณนะ”
ป๋อ: “อาทิตย์นี้ที่ผ่านมา ก็เป็นอาทิตย์ที่ยากที่สุดสำหรับพวกเราสองคน เราแทบจะไม่ได้บอกใคร สองวันแรกงงทั้งคู่ เอ๋แทบไม่รับอะไรเลย เขาไม่คิดว่าวันนึงเขาจะเป็นโรคที่เขาหวาดกลัวที่สุด มันอาจจะเป็นภารกิจที่ยากที่สุดในชีวิตที่เอ๋จะต้องเจอ
แล้วมันก็เป็นโรคที่ไม่มีใครคิดว่าวันนึงมันจะเกิดกับตัวเรา เราก็แค่อาจจะรู้ว่าโอเคเราไม่อยากเป็นโรคนี้นะ มันอาจจะทำให้ตายได้เราจะอยู่มีอายุที่สั้นลง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเอ๋ต้องสู้ด้วยตัวเอง ด้วยเหตุผลเรื่องลูก เรื่องพี่หรือครอบครัว แต่ว่าสุดท้ายเอเหตุเหตุผลที่สำคัญที่สุด เอ๋ต้องทำให้ด้วยเพื่อตัวเอง”

คุณหมอ นพ.ผดุงเกียรติ ตั้งพิรุฬห์ธรรม ศัลยแพทย์ทรวงอก โรงพยาบาลกรุงเทพ เผยกับป๋อว่า: “ของคุณเอ๋ เช็กอัพทั่วๆไป ตามที่เราทำกันอยู่ตามแพ็คเกจ เราจะมีตรวจเลือดเอ็กซเรย์ตรวจหัวใจคลื่นไฟฟ้ามันก็จะดูได้ส่วนนึง การเอ็กซเรย์จะดูจุดที่มะเร็งปอดระยะเริ่มต้นไม่ได้เลย โดยปัจจุบันเรามีการคัดกรองที่ชื่อว่าเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์รังสี หรือว่า Low-dose Chest Scan ที่เราจะจะเห็นเนื้อปอดทั้งหมดเลย ที่เอ็กซเรย์จะไม่เห็น เพราะว่าเอ็กซเรย์จะเห็นก้อนถ้าเราสงสัยว่าเป็นมะเร็งปอดต่อเมื่อก้อนที่ค่อนข้างโตแล้วก็จะมีความแข็ง คือของคุณเอ๋หลายๆปัจจัยทำให้มันบ่งไปเลยว่าจุดนี้ ผมกังวลมากจริงๆ

มะเร็งปอดจะแบ่งเป็นเซลล์เล็กกับเซลล์เล็ก คือเซลล์เล็กอ่ะไม่ดี โตเร็วกระจายเร็ว เซลล์ไม่เล็กก็จะแบ่งเป็นหลายชื่อ 4-5 ชื่อ แต่เซลล์ที่เจอบ่อยมากเลยในปัจจุบันก็คือคือเซลล์ที Adenocarcinoma ทำให้เราเจอบ่อยขึ้นเรื่อยๆ มันก็จะมีหลายปัจจัย
อย่างแรกเลยคือความที่เป็นคนเอเชียจะมียีนส์ชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า EGFR (Epidermal Growth Factor Receptor เป็นยืนที่เข้ารหัสโปรตีนที่อยู่บนพื้นผิวของเซลล์ ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการเจริญเติบโตและการแบ่งตัวของเซลล์ เมื่อยืน EGFR เกิดการกลายพันธุ์ (mutation) โปรตีนอาจทำงานผิดปกติและส่งผลให้เซลล์มะเร็งเจริญเติบโตและแพร่กระจายได้เร็วขึ้น การกลายพันธุ์ของยืน EGFR มักพบในมะเร็งปอด)
ซึ่งผสมกับที่เรามีฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ซึ่งมีส่วนสำคัญมากๆเลยมันไปกระตุ้นทำให้ยีนนี้กลายพันธุ์เป็นแล้วก็ทำให้เกิดเซลล์มะเร็งปอดได้เร็วมากขึ้น PM2.5 น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญ คือตอนเนี่ยผลสุดท้ายยังไม่ออก ผมคิดว่าน่าจะอยู่ในระยะที่1 ซึ่งเป็นระยะที่ระวังผลหายขาดสูง”

ป๋อ: “เข้าใจคำว่าอมทุกข์ เรามีความทุกข์แล้วเราก็ไม่ได้บอกใคร แต่จะบอกว่าเมื่อ5-7วันที่ผ่านมา เรายังไม่รู้อะไรเลย นอกจากที่ว่าเราจะทำยังไงดีกับมัน ใช่หรือไม่ใช่ไม่ใช่ประเด็น แต่ประเด็นคือเป้าหมายคือมองไปข้างหน้า และตัดทิ้ง เราก็เลยบอกเอ๋ว่าอย่าไปคิดเลย อย่าไปคิดเรื่องเป็นเรื่องตายเลย คิดซะว่าทำวันนี้ให้ดีที่สุด เราจะพาเอ๋ผ่านไปให้ได้”

หลังออกจากห้องผ่าตัด เอ๋ พรทิพย์ ร้องด้วยความเจ็บและเผยว่า “เจ็บไม่รู้จะนอนท่าไหน”

แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี ซึ่งคุณหมอเผยว่า : “มะเร็งของเอ๋พรทิพย์ เจออยู่ที่ข้างซ้ายข้างหลัง ตำแหน่งที่เจอมันไปซ้อนกับเงาหัวใจพอดี เพราะฉะนั้นถ้าไม่ได้เครื่องซีทีสแกนเอ็กซเรย์อย่างเดียวจะไม่เห็นเลย จนกว่าก้อนนี้จะโตประมาณซัก 2 เซนติเมตร สิ่งที่คุณเอ๋ได้รับและได้ตรวจเจอมันอาจจะเป็นสิ่งที่ฟังแล้วดูค่อนข้างน่าตกใจที่เป็นมะเร็งปอดในคนที่อายุน้อยที่สุด ไม่สูบบุหรี่ แต่ผมคิดว่าโชคดีมาก ที่ได้มาตรวจแล้วก็ได้มารักษา แล้วถ้าเกิดทุกอย่างออกมาเป็นระยะที่หนึ่งจริงๆโอกาสหายขาดสูงมาก แล้วก็การผ่าตัดในกรณีที่ก้อนเล็กเราเก็บเนื้อปอดได้เยอะและสามารถกลับไปมีชีวิตที่ได้แทบจะเกือบ 100% เลย”

เอ๋ พรทิพย์ เปิดใจหลังผ่าเสร็จแล้วเรียบร้อย โดยเผยว่า “ก็คือเจ็บแผล เพราะว่าตอนแรกมันยังมีสายเดนพวกเลือดน้ำเหลืองอันนั้นเจ็บมากเดินไม่ได้ยืนแบบเจ็บร้าวซี่โครงเจ็บครึ่งซีกคือเจ็บน้ำตาไหลเลยต้องขอมอร์ฟีน คือไม่รู้จะบอกความเจ็บยังไง เพราะว่าไม่เคยเจ็บแบบนี้มาก่อนที่สุดของที่สุดเลย”
“ถามว่ารู้สึกยังไง เมื่อตอนรู้ว่าเป็นมะเร็งคือทุกอย่างมันเร็วมาก ไม่ได้ตั้งตัว มันช็อคมันเบลอไปหมด ฟังใครก็ไม่รู้เรื่อง รู้สึกไม่ถูกรู้สึกว่าเหมือนบ้านถล่ม ถ้าเราเป็นขึ้นมาเราจะทำยังไง เราจะเป็นเราจะอยู่กับลูกเราได้นานแค่ไหน แล้วคือนึกถึงหน้าลูกก็ร้องไห้แล้ว ก็แย่แล้ว แล้วมันตั้งตัวไม่ทันด้วย พอผลออกมาปุ๊บ ในตอนเวลานั้นมันคิดวนอย่างเดียว แล้วถ้ามันไม่หายมันจะเป็นยังไง ลูกจะอยู่กับใครพี่อ๋อจะอยู่ยังไง”

ทำไมสุดท้ายถึงตัดสินใจว่าต้องบอกเพื่อน?
เอ๋ : “คือพี่ป๋อถามเอ๋ว่าอยากปิดไหมเรื่องนี้ หรืออยากบอกใครไหม เอ๋บอกว่าอยากบอกเพื่อนเอ๋ทุกคนเลย เพราะว่าอยากให้ทุกคนลองไปตรวจไม่อยากให้มาเจอตอนที่มันเป็นมากกว่านี้แล้ว อยากจะให้เหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นเครื่องที่แบบเหมือนบอกคนอื่นว่าต้องดูแลสุขภาพ ต้องตรวจสุขภาพ ทำไมสุขภาพถึงต้องสำคัญ มันอาจจะเป็นสิ่งที่สิ้นเปลืองเงินทองแต่ว่ามันคุ้มค่ามาก เพราะเอ๋เชื่อว่าทุกคนไม่เคยตรวจ”
รอบนี้ที่เอ๋เจอเหมือนบุญนำพาเพราะพี่ป๋อป่วย?
ป๋อ : “คือเจ็บหลังล่างก็เลยแบบไปเอ๋พี่อยากตรวจประจำปีแล้ว เพราะเราไม่ได้ตรวจกันมาปีครึ่ง แต่สรุปพี่ไม่เป็นไร เลยแอบคิดว่าอาจจะเป็นความบังเอิญสิ่งอะไรที่ดลจิตใจให้เรามาตรวจ เราก็เชื่อของเรา อาจจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยคุ้มครองเราเตือน”
ขอบคุณ?
ป๋อ : “มีเพื่อนมาเยี่ยมมากทีเดียว หลายคนมาทุกวัน ก็ต้องขอบคุณเพื่อนทุกคนเลย เราเห็นการกอด หลายคนไปยืนแอบร้องไห้ หลายคนมาเยี่ยมทุกวัน เราก็บอกว่าเอ๋เห็นไหม เพราะเค้าจะชอบคิดว่าแบบเค้าไม่ค่อยมีใครรัก สุดท้ายเราก็เห็นด้วยจากความรู้สึกว่าเพื่อนๆ รักเอ๋มาก ต้องขอบคุณทุกๆ คน”
เอ๋ : “ขอขอบคุณโรงพยาบาลที่ดูแลดีแบบมากๆ ขอขอบคุณคุณหมอและพยาบาลที่ดูแลดีมากๆ เลย รวมถึงเพื่อนๆ ทุกคนเลยมาเยี่ยมทุกวัน เอากับข้าวมา มาให้กำลังใจ เป็นสิ่งที่เรารู้ว่ามีคนรักเรา ทำให้เรารู้สึกมีกำลังใจ อยากจะบอกคนที่กำลังจะเป็นหรือเป็นแล้วบอกเพื่อนไปเลย เพื่อนเค้าจะได้ทำหน้าที่ของเค้าได้อย่างเต็มที่ เอ๋มีกำลังใจดีมาก จิตใจเอ๋เข้มแข็งมาก คือไม่กลัวไม่อะไรทั้งสิ้น ขอบคุณทุกๆ คนด้วยที่เป็นกำลังใจให้เอ๋ สำหรับบางคนที่ยังไม่รู้ข่าวรู้สึกตกใจตอนนี้เอ๋หายแล้ว แข็งแรงแล้ว”

คู่ชีวิต?
ป๋อ : “ทัศนคติระหว่างพี่กับเอ๋เยอะแยะไปหมดเลย เราไม่ทะเลาะกันแล้ว คือถ้าไม่เจอกับตัวเองก็คงไม่รู้ มันเหมือนข้างบนเค้าให้บทเรียนเรามาแล้วว่าคนที่เรารักที่สุดก็ดีกันไว้นะ ฝากไปบอกทุกคู่เลยที่กำลังโกรธกัน ไม่ชอบกัน พอถึงเหตุการณ์แบบนี้ดีกันไว้ดีกว่า”
เอ๋ : “ขอบคุณจริงๆ จะไม่กวนประสาทพี่แล้ว ไม่ทะเลาะกันแล้วเนาะ รู้สึกแบบเวลาเราไม่รู้จะยังไง ก็ดีต่อกันดีกว่า ทำให้รู้ว่าพี่รักเอ๋มากเลย ไม่มีพี่เอ๋แย่เลย ขอบคุณนะ”
ป๋อ : “ทำไมต้องมาเกิดกับเอ๋ด้วย ถ้ามันเกิดกับพี่ได้เกิดกับพี่ดีกว่า อย่าเกิดกับเอ๋เลย เพราะเค้าเลี้ยงลูกได้ดีกว่าพี่ พี่ยังอยากบอกเอ๋เลยถ้าเลือกได้พี่ตายก่อนได้ เอ๋อยู่เถอะเพราะเลี้ยงลูกได้ดีกว่าพี่”
เอ๋ : “พูดเลยว่าเลือกคนไม่ผิด เลือกสามีไม่ผิด เพราะพี่ป๋อดูเศร้ากว่าเอ๋ พอเค้ารู้เค้าหาข้อมูล กดโทรศัพท์ ศึกษาต้องทำยังไง ต้องที่ไหน คุณหมอ คือไม่ทำอะไรเลย ไม่ทำงานด้วย คือยกเลิกงานหมดเลยเพื่อมาอยู่กับเรา เค้าบอกเลยว่าจะเปลี่ยนตัวเองใหม่จะเป็นคนที่น่ารัก ซึ่งเค้าก็น่ารักอยู่แล้ว พอเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็รู้สึกเลยว่าเลือกคนไม่ผิดเค้าเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีมาก คือทั้งปลอบใจ ทั้งตัดสินใจ ทำทุกอย่างแทนหมดเลย รู้สึกว่าโชคดีมากๆ เมื่อก่อนอาจจะคิดว่าไม่มีใครรักเราแต่แบบพอเราเป็นตรงนี้เรารู้สึกเลยคนรักเราจริงๆ อย่างน้อยคือสามีเราที่เค้าแบบเค้ารักเราสุดหัวใจ”
