ที่ จ.สุรินทร์ มีรายงานถึงบรรยากาศในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ หลังเกิดข้อพิพาทเรื่องเขตแดน ตามที่เป็นข่าว พบว่าบรรยากาศที่ตลาดการค้าชายแดนช่องจอม ยังคงเงียบเหงาเป็นอย่างมาก ประชาชนนักท่องเที่ยวต่างไม่กล้าเข้ามาเที่ยวซื้อสินค้าเหมือนเช่นเคย เพราะต่างยังคงวิตกกังวลในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
นอกจากนี้ยังพบว่าพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาที่มาค้าขายในฝั่งไทย บางรายไม่มั่นใจในสถานการณ์ ต่างพากันปิดร้านเก็บของกลับไปฝั่งกัมพูชา เพื่อรอให้สถานการณ์ดีขึ้น ประกอบกับพิษเศรษฐกิจที่ย่ำแย่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ชาวไทยและกัมพูชาส่วนใหญ่ที่ค้าขายที่ตลาดการค้าชายแดนช่องจอม ยังคงเปิดร้านค้าขายกันตามปกติ และคาดหวังว่ารัฐบาลของทั้ง 2 ประเทศจะสามารถเจรจาหาข้อยุติด้วยสันติวิธีได้
นายโคน พ่อค้าชาวกัมพูชา บอกว่า ขอเชิญชวนพี่น้องมาช่วยซื้อของมาเที่ยวตลาดช่องจอมด้วยครับ ตลาดยังเปิดปกติ ไม่ต้องกลัว ไม่มีอะไร ช่วงนี้ตลาดเงียบมาสามวันแล้ว ขายของได้วันละ 200-300 บาท เท่านั้น
ขณะที่จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ซึ่งอยู่ห่างจากตลาดการค้าชายแดนช่องจอมออกไปประมาณ 3 กม. ก็ยังคงพบว่ามีชาวกัมพูชาและชาวไทยเดินทางข้ามแดนเป็นปกติ แต่จำนวนของชาวกัมพูชาที่ข้ามแดนมาลดลงกว่าครึ่ง
ทั้งนี้ หลังจากกระทรวงมหาดไทย ได้มีหนังสือด่วนที่สุด เรื่อง กำชับแนวทางการปฏิบัติงานในสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา 7 จังหวัด ประกอบด้วย ตราด จันทบุรี สระแก้ว อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น
พบว่าในพื้นที่ อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ชาวบ้านได้มีการเตรียมพร้อมในการเก็บรวบรวมสัมภาระที่จำเป็นไว้ หากเกิดกรณีฉุกเฉิน ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะฝ่ายปกครอง ได้ประชาสัมพันธ์ชี้แจงให้ประชาชนทราบถึงสถานการณ์ และแจ้งข่าวสารทางราชการให้ประชาชนทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกและสามารถปฏิบัติตนได้เมื่อเกิดสถานการณ์ ซึ่งเป็นแค่การเตรียมความพร้อมเท่านั้น