นักโภชนาการเผย “ปลาแมคเคอเรล” ครองแชมป์ปลาที่มี DHA สูงสุด ไม่ใช่ปลาแซลมอนอย่างที่หลายคนเข้าใจผิด
DHA มีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพสมอง หัวใจ และการพัฒนาทางสติปัญญา โดยเฉพาะในเด็กและผู้สูงอายุ แต่ที่น่าทึ่งคือ ปลาที่มี DHA สูงสุดกลับไม่ใช่ปลาแซลมอนอย่างที่หลายคนเชื่อมาตลอด
นักโภชนาการชื่อดังจากไต้หวัน หลู เมิ่งฟาน (Lu Mengfan) เปิดเผยผ่านโพสต์บนเฟซบุ๊กว่า กรดไขมันโอเมก้า-3 ซึ่งประกอบด้วย DHA และ EPA นั้นมีอยู่มากในปลาทะเลที่มีไขมันสูง เช่น ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล และปลาซาบะ โดยเฉพาะ DHA ซึ่งถือเป็นกรดไขมันที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำงานของสมอง และการพัฒนาของระบบประสาท
ปลาแมคเคอเรลครองแชมป์ DHA สูงสุด
จากการจัดอันดับของ หลู เมิ่งฟาน พบว่า ปลาแมคเคอเรลมีปริมาณ DHA สูงสุดที่ 2,195 มิลลิกรัม ต่อหนึ่งหน่วยบริโภค ตามมาด้วยปลาซาบะ (949 มก.) ตับปลาลิ้นวัว (765 มก.) และปลาจะระเม็ด (746 มก.) ส่วนเนื้อบริเวณหน้าท้องของปลาแซลมอนซึ่งเป็นที่นิยมบริโภค กลับอยู่อันดับที่หก ด้วยปริมาณ DHA อยู่ที่ 691 มิลลิกรัม
ประโยชน์ของ DHA ต่อสุขภาพ
หลู เมิ่งฟาน อธิบายว่า DHA มีคุณสมบัติช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ป้องกันภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ และลดความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์ในผู้สูงอายุ รวมถึงมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสมองของทารก โดยเฉพาะในครรภ์และช่วงวัยแรกเกิด การขาด DHA อาจสัมพันธ์กับปัญหาด้านการเรียนรู้ และภาวะสมาธิสั้นในเด็ก
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าการบริโภค DHA จากปลาวันละประมาณ 200 มิลลิกรัม อาจลดความเสี่ยงเสียชีวิตอย่างเฉียบพลันจากโรคหัวใจถึง 50%
ในด้านการตั้งครรภ์ หลู เมิ่งฟานชี้ว่า แม้หลายคนเลือกบริโภคอาหารเสริมน้ำมันปลา แต่ผลการวิจัยระบุว่าการทานปลาโดยตรง โดยเฉพาะปลาที่อุดมด้วย DHA จะให้ผลดีต่อพัฒนาการทางสมองของทารกมากกว่าอาหารเสริม พร้อมเน้นว่า “ธรรมชาติคือสิ่งที่ดีที่สุด”
ขณะเดียวกัน สมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐฯ (American Heart Association) แนะนำให้บริโภคปลาไขมันสูงอย่างน้อย 90 กรัมต่อสัปดาห์ เพื่อรับประโยชน์จากกรดไขมันโอเมก้า-3 อย่างเต็มที่
ดังนั้น หากคุณต้องการเสริมสุขภาพสมอง หัวใจ และระบบประสาท การเลือกปลาที่มี DHA สูงอย่างปลาแมคเคอเรล อาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและดีกว่าการพึ่งอาหารเสริมเพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะสำหรับสตรีมีครรภ์และผู้สูงอายุ ที่ควรใส่ใจการบริโภค DHA จากแหล่งธรรมชาติมากยิ่งขึ้
.jpg?ip/resize/w728/q80/jpg)