วันที่ 14 มิ.ย. 2568 ได้มีการรายงานว่า เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงนามในคำสั่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ 194/2568 เรื่อง ลงโทษกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง มีใจความว่า
ด้วย นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร เดิมเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ ประเภทอำนวยการ ระดับสูง สังกัดกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ตำแหน่งเลขที่ 1026 เงินเดือน 74,320 บาท
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนและมีมติชี้มูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริต และฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 25 (3) และ (4) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนพ.ศ. 2551 ในการประชุมครั้งที่ 103/2566 เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2566
โดยให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการพิจารณาโทษทางวินัยตามฐานความผิดที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ และให้ถือสำนวนการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นสำนวนการสอบสวนทางวินัย ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน
บัดนี้ อ.ก.พ. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการประชุมครั้งที่ 3/2525 วันที่ 30 พฤษภาคม 2568 ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีคำวินิจฉัยว่านายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ได้กระทำความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ตามสำนวนรายงานการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดังนี้
กรณีที่ 1 การจัดจ้างโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยาน (ห้วยคมกฤต) อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีผู้เข้าซื้อของเอกสารประกวดราคาและยื่นซองเอกสารประกวดราคาในโครงการดังกล่าว จำนวน 2 ราย คือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ท่ายางคอนสตรัคชั่น และห้างหุ้นส่วนจำกัด เพชรบุรียุทธนาก่อสร้าง
โดยนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ได้ขอใช้ชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัด ท่ายางคอนสตรัคชั่น และห้างหุ้นส่วนจำกัด เพชรบุรียุทธนาก่อสร้าง มาจากนายสนอง กิจพ่วงสวรรณ ที่เป็นผู้ตัดสินใจและผู้สั่งการของห้างหุ้นส่วนจำกัดทั้งสอง แต่เพียงผู้เดียว
โดยตั้งแต่ขั้นตอนการซื้อของประกวดราคา ยื่นซองประกวดราคา และเสนอราคาไม่ได้เกิดจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ทั้งสองมีเจตนาที่จะเข้าทำการแข่งขันราคากันอย่างแท้จริง แต่เกิดจากการตระเตรียมการของนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร โดยการกำหนดตัวผู้เสนอราคาทั้ง 2 ราย
เพื่อให้หน่วยตรวจสอบเห็นว่ามีการแข่งขันราคากันตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว โดยมีเจตนาเพียงเพื่อให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ท่ายางคอนสตรัคชั่น เข้ามาเป็นคู่สัญญากับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
ภายหลังเมื่อดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 ได้เบิกจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ท่ายางคอนสตรัคชั่น จำนวน 3,527,000 บาท ตามสัญญาจ้างเลขที่ 22/2556 ลงวันที่ 16 กันยายน 2556 แล้ว
ต่อมา ห้างหุ้นส่วนจำกัด ท่ายางคอนสตรัคชั่น ได้มีการหักลบกลบหนี้กับที่นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร เป็นหนี้ค่าซื้อวัสดุก่อสร้างกับร้านท่ายางค้าไม้ จึงเหลือเงินค่าโครงการที่จะต้องคืนให้นายชัยวัฒน์ ลิมลิขิตอักษร ร้านท่ายางค้าไม้จ่ายเช็คธนาคารกสิกรไทย เลขที่ 7921578 ลงวันที่ 28 พฤษภาคม 2557 เป็นเช็คเงินสด จำนวน 1,000,000 บาท ให้แก่นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร
กรณีที่ 2 โครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยาน (ห้วยคมกฤต) อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ไม่เป็นไปตามรูปแบบรายการแนบท้ายสัญญา ไม่ได้ดำเนินการควบคุมงานตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 ซึ่งรายงานการควบคุมงาน ช่างควบคุมงานลงนามไปนั้น
นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ได้การสั่งให้หัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุ เป็นผู้จัดทำขึ้น อันเป็นการรับรองว่าได้มีการดำเนินการแล้วเสร็จจนถึงขั้นตอนสุดท้าย แต่ในรายงานการควบคุมงาน ไม่ได้ระบุถึงรายละเอียดในการก่อสร้างที่ไม่เป็นไปตามแบบรูปรายการตามสัญญา
โดยช่างควบคุมไม่ได้ทำการควบคุมงานแต่อย่างใด เนื่องจากการเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบาก มีระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร แต่ใช้ระยะเวลาในการเดินทางไป-กลับ มากกว่า 3 ชั่วโมง สภาพพื้นที่ไม่เหมาะสมที่จะให้ผู้ควบคุมงานอยู่อาศัยและค้างคืนได้ จึงเป็นไปได้ยากที่ช่างควบคุมงานจะสามารถเดินทางไปควบคุมงานได้ตลอดเวลา
และนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ได้ลงนามในใบตรวจรับงานจ้าง และรับรองผลการปฏิบัติงานของผู้รับจ้าง ฉบับลงวันที่ 3 พฤษภาคม 2557 ว่าเสร็จเรียบร้อยตามสัญญา จนเป็นที่มาของการเบิกจ่ายให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ท่ายางคอนสตรัคชั่น เป็นการกระทำโดยเจตนาที่จะให้คณะกรรมการคนอื่นๆ ไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้อง
ดังนั้น การกระทำของนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริต และฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 85 (1) และ (4) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
จึงมีมติให้ลงโทษไล่ออกราชการ ตามฐานความผิดที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูล
ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามมาตรา 57 (5) มาตรา 97 วรรคสอง มาตรา 100 และ มาตรา 100/1 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และมาตรา 98 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 ประกอบกับข้อ 68 ข้อ 69 และข้อ 70 (3) ของกฎ ก.พ. ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. 2556 และข้อ 15 ของระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยวันออกจากราชการของข้าราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ. 2554
จึงสั่งลงโทษไล่นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ออกจากราชการ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2567 เป็นต้นไป
หากท่านจะฟ้องโต้แย้งคำสั่งนี้ ให้ฟ้องคดีต่อศาลปกครองภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ถูกลงโทษ ตามมาตรา 101 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2561 หรือจะอุทธรณ์ต่อ ก.พ.ค.
โดยทำหนังสืออุทธรณ์ถึงประธาน ก.พ.ค. ยื่นต่อพนักงานผู้รับอุทธรณ์ที่สำนักงาน ก.ก.พ. เลขที่ 47/11 ถนนติวานนท์ ตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี หรือยื่นโดยส่งหนังสืออุทธรณ์ทางไปรษณีย์ลงทะเบียนไปยังสำนักงาน ก.พ. ภายในสามสิบวัน นับแต่วันทราบหรือถือว่าทราบคำสั่งนี้ ตามมาตรา 114 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนพ.ศ. 2551 ประกอบกฎ ก.พ.ค. ว่าด้วยการอุทธรณ์และการพิจารณาวินิจจัยอุทธรณ์ พ.ศ.2551
ทั้งนี้ การฟ้องคดีต่อศาลปกครองหรือการอุทธรณ์คำสั่งต่อ ก.พ.ค. จะต้องเลือกใช้สิทธิทางใดทางหนึ่งเท่านั้น สั่ง ณ วันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2568