จากกรณีมีผู้โพสต์ข้อความว่า “ขอความช่วยเหลือ ตาวัย 82 ปี ตาบอด ถูกแท็กซี่ปล่อยทิ้งหน้าโรงพยาบาลไทรน้อย ที่ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ อดีตข้าราชการตำรวจตระเวนชายแดน ตามองไม่ชัดทั้ง 2 ข้าง โดนรถแท็กซี่ทิ้งจาก รพ.ไทรน้อย บอกรถว่าจะมา รพ.ชลประทาน โดนรถทิ้ง ผมพามา รพ.ชลประทานให้แล้ว ทำเรื่องยื่นบัตรผู้ป่วยให้แล้ว ที่เหลือใครเป็นญาติพี่น้องมารับด้วยนะครับ ขอบคุณครับ”
นายพงศ์กานต์ อายุ 41 ปี กล่าวว่า ในขณะที่ตนขี่รถจักรยานยนต์มาส่งภรรยาทำงาน ไม่ห่างจาก รพ.ไทรน้อย ตนพบคุณตารายนี้เดินที่ถนนแถวหน้า รพ.ไทรน้อย พอตนส่งภรรยาเสร็จตนรีบขี่รถจักรยานยนต์กลับมาหา เห็นแกเดินไปไกลมาก ซึ่งตนไปเจอคุณตาตรงโรงไฟฟ้า ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร ซึ่งคุณตาเดินเอาไม้เท้าเลาะตามถนนไป
ตนจึงเข้าไปถามว่าจะไปไหน คุณตาก็บอกว่าจะไปโรงพยาบาลชลประทาน ตนก็บอกว่ามันคนละทางกันแล้ว โรงพยาบาลชลประทานอยู่ปากเกร็ด ตาก็บอกว่านั่งแท็กซี่มาจากบ้าน แต่แท็กซี่เอามาส่งที่โรงพยาบาลไทรน้อย และได้บอกว่านี่คือโรงพยาบาลชลประทาน ตาจึงลงจากแท็กซี่และไปถามคนแถวนั้นเขาก็บอกว่านี่คือโรงพยาบาลไทรน้อยก็เลยเดินกลับบ้าน ตนจึงถามไปว่ามีค่ารถไหม คุณตาก็เอาเงินให้ดู มีอยู่ 100 บาท ตนจึงบอกให้เอาเงินเก็บไว้และตนก็พาไปส่งที่โรงพยาบาลชลประทาน
ตอนนั้นคุณตามีอาการตัวสั่น เหงื่อเต็มหลัง หูก็ไม่ได้ยิน ต้องพูดเสียงดัง ตาเป็นต้อ มองเห็นไม่ชัด เมื่อตนพาไปส่งถึงโรงพยาบาล ตนก็ได้ขอดูข้อมูลคุณตาเพื่อที่จะไปยื่นเรื่องการรักษาให้ จึงทราบว่าคุณตาเคยรับราชการเป็นตำรวจตระเวนชายแดน หลังจากนั้นตนก็พาคุณตาไปเดินเรื่องการรักษาจนถึงขั้นตอนได้บัตรคิว และเขียนไว้หลังบัตรคิวว่า คุณตาโดนแท็กซี่ทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลไทรน้อย และตนเป็นคนพามาที่โรงพยาบาลชลประทาน พร้อมกับให้เบอร์ติดต่อกับโรงพยาบาลไว้ และตนก็กลับบ้าน ซึ่งตนนึกดูว่ารถแท็กซี่ที่ไปส่งคุณตาทำไมใจร้ายมาก ไม่ควรที่จะทำแบบนี้